กล่องดันราง คือ
การ เพิ่มแรงดันในระบบฉีดจ่ายน้ำมันแบบคอมมอนเรล หรือภาษาไทยๆเรียกว่า แบบรางฉีดร่วม ซึ่งโดยปกติ ปั๊มคอมมอนเรลจะมีหน้าที่ปั่นและอัดส่งสร้างน้ำมันที่มีแรงดันสูงมากๆไปยัง รางคอมมอนเรลเพื่อรอจ่ายน้ำมันไปยังหัวฉีด
ซึ่งเมื่อทำการติดตั้ง กล่องดันรางเข้าไป กล่องตัวนี้จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้ปั๊มสร้างแรงอัดน้ำมันได้สูงขึ้น แรงดันในระบบจึงสูงขึ้น ฉีดน้ำมันได้แรงกว่าเดิม การเผาไหม้จึงดีขึ้น ส่งผลให้รถแรงขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้จ่ายน้ำมันมากขึ้น เพราะหัวฉีดก็ยังคงฉีดจ่ายน้ำมันเป็นปริมาณเท่าเดิม ใน 1 จังหวะรอบการทำงาน งงไหมครับ....
แต่เมื่อรถมีกำลังมากขึ้น ทั้งแรงม้าและแรงบิดจากการดันรางนี้ เมื่อเราขับขี่ในสไตล์เดิม ที่ความเร็วเท่าๆเดิม จะได้ความประหยัดมากกว่าเพราะแรงบิดรถดีขึ้น อัตราเร่งทำได้ดีกว่าเดิม จึงไม่ต้องเค้นคันเร่งมากไงครับ
โดยทั่วไป เมื่อเราติดตั้งกล่องดันราง ผู้ติดตั้งก็นิยมมีการทำท้ายรางเพิ่มเติมด้วยเพื่อให้แมตซ์กับแรงดันที่ปรับ จูน ป้องกันปัญหาไฟโชว์ เครื่องสะดุดเมื่อรอบสูงๆ ท้ายรางก็คือ อุปกรณ์ตัวนึงที่เป็นตัวลิมิตแรงดันในระบบอยู่ตรงด้านท้ายของรางคอมมอนเรล มีหลักการทำงานคือสปริงพร้อมลิ้นระบายแรงดัน (Pressure Regulator) ทำหน้าที่คอยระบายแรงดันในรางคอมมอนเรลที่เกินค่าที่กำหนดให้ไหลกลับ ซึ่งทำได้โดยการใส่ชิมรองเข้าไปที่สปริง ทำให้สปริงมีค่าแข็งขึ้น แรงดันระบายออกได้ช้าลง ทำให้การสร้างแรงดันในรอบสูงๆ ไม่มีปัญหาเครื่องสะดุดครับ
ส่วนเรื่องรางแตกนั้น โดยทั่วๆไป เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะรางคอมมอนเรลมีค่า factor เผื่อมาให้รับแรงดันได้สูงกว่าสเปคโรงงานเยอะมาก เว้นแต่จะมีการ'อุด'ท้ายรางแบบถาวร ซึ่งนิยมทำกันในรถแข่งสนาม โดยเฉพาะประเภท Drag เพราะพวกนี้ เขาจะใช้กล่องโมดิฟายใบเดียวคุมแทนกล่องเดิมของเครื่องยนต์ครับ หรือที่เรียกว่า 'Stand Alone' สำหรับรถบ้าน สบายใจได้ จะมีก็แต่กรณีท้ายรางรั่วซึ่งเกิดจากผู้ติดตั้งในบางรายติดตั้งไม่ดีเท่า นั้นเอง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ไม่ยากครับผม
โดยรวมผมว่ากล่องดันรางน่าเล่นครับ งบไม่แรงมาก แต่ได้ทั้งความแรงและความประหยัดเห็นผลเลยล่ะ
กล่องยกหัวฉีด (Lift Injection)
หลักการทำงานของกล่องเพิ่มแรงม้าแบบยกหัวฉีด สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล
กล่อง ยกหัวฉีด มีหลักการทำงานโดยการใช้กล่องอิเลคโทรนิค รับสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งมาจากกล่องควบคุมสมองกลของรถ ECU ที่ส่งไปยังหัวฉีดจ่ายน้ำมันเข้าแต่ละหัว แล้วแปลงค่าสัญญาณนั้น เพื่อสั่งให้หัวฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีระยะเวลาจ่ายน้ำมันให้นานขึ้น ตามจังหวะเวลาและรอบเครื่องยนต์ที่ต้องการ มีทำผลให้เครื่องยนต์ได้รับเชื้อเพลิงที่เพียงพอสำหรับการทำงานที่รอบสูงๆ หรือที่ความเร็วสูง เครื่องยนต์จึงมีแรงม้าเพิ่มขึ้น มีแรงบิดเพิ่มขึ้น ทำให้รถยนต์สามารถมีอัตราเร่งที่ดีขึ้น และมีความเร็วปลายสูงขึ้นด้วย
หรือถ้าอธิบายกันแบบง่ายๆ คือ เพิ่มระยะเวลาในการฉีดน้ำมันแต่ละรอบเครื่องให้นานขึ้น เช่น สมมุติว่า
1.รอบ เครื่อง ฉีดน้ำมัน 1วินาที อาจจะเพิ่มเป็น 1.2 1.5 หรือ 2วินาที ทำให้เพียงพอต่อความต้องการ และถ้ารถยนต์ได้มีการปรับแต่งระบบอัดอากาศ หรือเปลี่ยนเทอร์โบ ที่อัดลมเข้าสู่ห้องเครื่องได้มากกว่าเดิม เช่น ของเดิม 1บาร์ หรือ14ปอนด์ แต่ได้ทำการเปลี่ยน เทอร์โบ td05h ทำลมอัดเข้าห้องเครื่องที่ 25ปอนด์ ทำให้น้ำมันจากกล่อง ecu เดิมจ่ายน้ำมันไม่เพียงพอต่ออากาศ เราจึงต้องเสริมกล่องยกหัวฉีดเข้าไปเพื่อเพิ่มน้ำมันให้เพียงพอต่ออากาศที่ เพิ่มขึ้น
ประโยชน์ของกล่องยกหัวฉีด1. เพิ่มแรงม้า ขั้นต่ำ40ตัวขึ้นไป และแรงบิด ขั้นต่ำ50%ขึ้นไป (แล้วแต่ระดับการจูน )
2. กล่องยกหัวฉีด จะเห็นผลกว่า กล่องดันราง (แต่ถ้าทำงานร่วมกันระหว่างกล่องดันราง และกล่องยกหัวฉีด ทำให้เห็นผลชัดเจน มากขึ้น)
3. รถมีกำลังแรงบิดมากขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับพวกบรรทุกหนักๆ
4. ลดการรอรอบอย่างเห็นได้ชัด
5. เพิ่มความเร็วปลาย เช่น รถเดิมวิ่ง 160กม./ช. หลังจากการปรับจูนแล้ว 180-200กม./ชม หรืออาจมากกว่า (อยู่ที่ระดับการจูน)
6. ในบรรดาการปรับแต่งให้รถมีพละกำลังที่เพิ่มขึ้น กล่องยกหัวฉีดเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะว่าผลที่ได้ชัดเจน และการสึกหรอของเครื่องยนต์น้อยกว่าการทำอื่นๆ
7. มีสวิทซ์ ปิด-เปิด (บางยี่ห้อ) ทำให้สามารถปิดการใช้งานได้ ทำให้เป็นรถเดิมๆ และสามารถเปิดใช้งานได้ทันทีขณะขับรถอยู่ก็ตาม (บางยี่ห้อ)
ข้อเสียของกล่องยกหัวฉีด1. กล่องยกหัวฉีดจะมีราคาค้อนข้างสูงถ้าเปรียบเทียบกับกล่องชนิดอื่นๆ
2. การปรับแต่งรถใดๆก็แล้วแต่ย่อมทำให้เกิดการสึกหรอที่มากขึ้น แต่กล่องยกหัวฉีดการสึกหรอของเครื่องยนต์จะน้อยกว่ากล่องชนิดอื่นๆ (ขึ้นอยู่ระดับการจูนว่ามากน้อยเพียงใด และระดับการขับขี่)
อันนี้แถม...หน้าที่ของกล่องต่างๆ
- กล่องดันราง คือ การเพิ่มแรงดันในระบบคอมมอนเรล ซึ่งทำได้โดยการแปลงสัญญาณ ECU ที่ควบคุมในส่วนของปั๊มเชื้อเพลิงให้ปั๊มสร้างแรงดันในระบบที่สูงขึ้นกว่า เดิม
- กล่องยกหัวฉีด คือ การแปลงสัญญาณขยายระยะเวลาในการยกตัวของเข็มหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ฉีดได้ในปริมาณที่มากขึ้นใน 1 จังหวะการทำงาน ทำให้สามารถควบคุมปริมาณเชื้อเพลิงตามต้องการได้
- การปลดบูสท์ คือ การปลดล็อคสัญญาณการตรวจจับแรงดันอากาศในท่อร่วมไอดี ให้สามารถทำแรงดันได้เกินค่าที่กำหนดโดยที่เครื่องไม่ถูกสั่งตัดเชื้อเพลิง
- การปลดล็อคความเร็ว คือ การปลดล็อคสัญญาณลิมิตของความเร็วรถให้วิ่งได้เกินค่าที่โรงงานล็อคเอาไว้
- การปลดล็อคคันเร่งไฟฟ้า คือ การแปลงสัญญาณของตัวคันเร่งไฟฟ้า ให้ตอบสนองได้ไวขึ้น มีการหน่วงน้อยลงหรือไม่มีเลย
- การสร้างกล่องควบคุมเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ (Stand Alone) วิธีนี้คือการใช้กล่องแต่งแบบที่สามารถควบคุมได้ทุกส่วนของเครื่องยนต์มาควบ คุมแทนกล่องโรงงานล้วนๆ ส่วนมากนิยมใช้ในการแข่งขันครับ
กล่องคันเร่งไฟฟ้า
กล่องคันเร่ง จะทำงานคล้ายๆตัวหลอก สัญญาณตำแหน่งคันเร่ง ที่ส่งให้ ECU ครับ
ใน mode ปกติของมันจะไม่มีผลอะไร
ใน mode sport หรือ power แล้วแต่ยี่ห้อจะเรียก มันจะเพิ่ม % คันเร่ง จากตำแหน่งคันเร่งที่กดจริง ครับ
ถ้ากดคันเร่งไม่จมพื้น มันจะมีผลเท่ากับ การที่กดคันเร่งลึกขึ้น
ส่วนที่หลายคนใช้แล้วรู้สึกว่ามันพุ่ง มันเป็นผลจากความรู้สึกของมนุษย์ ของตัวเราเองครับ
ถ้ากดคันเร่งจมพื้น มันจะมีประโยชน์สำหรับรถที่ไปใส่พรมอื่นๆนอกเหนือจากที่โรงงานใส่ให้มา
คือพรมมันจะไปค้ำคันเร่ง ทำให้กดคันเร่งได้ไม่สุด
ในกรณีนี้ ถ้าใช้กล่องหลอกคันเร่งก็จะเห็นว่ารถแรงขึ้น
เพราะจากของเดิมที่กดคันเร่งจนติดพรม ตำแหน่งคันเร่งอาจจะไปได้แค่ 80% ก็จะกลายเป็น 100%
สำหรับรถเกียร์ออโต้ ให้ระวังอยู่เรื่องนึงคือ โปรแกรมของคันเร่งไฟฟ้าเดิมจากโรงงาน
มันจะถูกโปรแกรมให้หน่วงไว้หน่อย เพื่อลดการกระชากของเกียร์นะครับ (รถหลายๆรุ่นเป็นกัน)
การที่ใช้กล่องหลอกคันเร่ง มันจะไปหลอกสัญญาณตำแหน่งคันเร่งที่เข้า ECU
จากเดิมที่กดน้อยๆ ก็จะกลายเป็นกดลึกขึ้น มันจะทำให้เกียร์กระชากแรงขึ้น
ชุดครัชในเกียร์ก็จะมีอายุสั้นลงตามไปด้วยนะครับ
www.obdteam.com